วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อุปกรณ์ประมวลผล ( Process Device)

 อุปกรณ์ประมวลผล
ทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผล จะประกอบด้วย
         - ซีพียู ( CPU - Central Processing Unit) เป็นอุปกรณ์หลักในการประมวลผลภายในคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่ควบคุมและประมวล ผลจากอุปกรณ์นำ ข้อมูลเข้า ( Input Device) แล้วส่ง
ผลลัพธ์ออกไปยังอุปกรณ์แสดงผล ( Output Device)



- หน่วยความจำหลัก ( Primary Storage)มี หน้าที่ในการเก็บข้อมูลหรือชุดคำสั่ง หน่วยความจำหลักแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
 1. หน่วยความจำแบบ Rom (Read Only Memory) เป็นหน่วยความจำที่ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟเลี้ยง ข้อมูลหรือชุดสั่งก็จะไม่สูญหาย ( non-volatile Memory) เช่น โปรแกรม ไบออส

  2. หน่วยความจำแบบ Ram (Random Access Memory) เป็นหน่วยความจำ ที่ตัองอาศัยกระแสไฟฟ้าเลี้ยง ข้อมูลไม่สูญหาย (Volatile Memory)


- เมนบอร์ด ( Main Board) เป็นแผงวงจรต่อเชื่อมอุปกรณ์ การทำงานทั้งหมดของคอมพิวเตอร์ ภายในเมนบอร์ด จะมี เส้นแผงวงจรเป็นเส้นทองแดง เรียกว่า บัส เพื่อใช้ในการส่งสัญญาณไฟฟ้า
ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่อง ให้สามรถทำงานร่วมกันได้


- ชิปเซต ( Chip Set) ทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานงานการทำงาน






RAM






SDRAM (Synchronous Dynamic Random Access Memory)

นั้นเป็น Memory ที่เป็นอดีตเทคโนโลยีไปเสียแล้วสำหรับยุคปัจจุบัน เพราะเป็นการทำงานในช่วง Clock ขาขึ้นเท่านั้น กล่าวคือ ใน1 รอบสัญญาณนาฬิกา จะทำงาน 1 ครั้ง โดยใช้ Module แบบ SIMM (Single In-line Memory Module) โดยที่ Module ชนิดนี้จะรองรับ datapath 32 bit ซึ่งทั้งสองด้านของ circuite board จะให้สัญญาณเดียวกัน ซึ่ง   SDRAM พัฒนาขึ้นในปี ค.ศ.1993 โดยบริษัทซัมซุง โดยพัฒนามาจาก DRAM (Dynamic Random Access Memory) เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับระบบบัสความเร็วสูงได้  ซึ่งหน่วยความจำก่อนหน้านี้ใช้ระบบบัสแบบอะซิงโครนัส นั่นหมายถึงจังหวะการทำงานของซีพียูกับหน่วยความจำใช้สัญญาณนาฬิกาคนละตัว จังหวะการทำงานที่ไม่ซิงโครไนซ์กัน จึงเป็นปัญหา เพราะเทคโนโลยีซีพียูต้องการความเร็วและมีการสร้างระบบบัสมาตรฐานขึ้นมา
SDRAM เป็นหน่วยความจำ DRAM ที่สามารถทำงานร่วมกับระบบบัสความเร็วสูงได้ โดยจะทำงานสัมพันธ์กับความเร็วบัสของโพรเซสเซอร์ ซึ่งในปี 1998 ชิปเซ็ต Intel 440BX ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ใช้ประโยชน์จากการใช้งาน SDRAM PC100 ได้อย่างเต็มที่ SDRAM ถือว่าเป็นหน่วยความจำสำหรับพีซียุคใหม่ที่ได้รับความนิยมมากในขณะนั้น

โดยมีข้อสังเกตในการเรียกชื่อ SDRAM คือจะเห็นว่ามีอักษร PC แล้วตามด้วยตัวเลขต่อท้ายอยู่ด้วย ซึ่งก็คือการระบุความเร็วบัสในการทำงานของหน่วยความจำ SDRAM
เช่น PC100 ก็แสดงว่า SDRAM ตัวนั้นออกแบบมาให้ทำงานกับระบบบัสที่ความเร็ว 100MHz เป็นต้น

SDRAM ก็คือ แรมแบบใหม่ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้ร่วมกับชิพเซตรุ่นใหม่ของอินเทล
(430VX กับ 430TX)

SDRAM มีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกับแรมโดยทั่วไป
โดยแรมทั่วไปมี 72 ขา แต่ SDRAM จะมีขาถึง 168 ขา

แรงดันไฟเลี้ยง สำหรับ SDRAM กินไฟ 3.3V
SDRAM สามารถทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 66 MHz ไปจนถึง 133 MHz หรือมากกว่า

อัตราความเร็วในการถ่ายเทข้อมูล ของ SDRAM อยู่ที่ 133 - 2.1 GB  

ลักษณะของ Interface SDRAM ใช้ระบบอินเตอร์เฟสที่เรียกว่า LVTTL ซึ่งมีการใช้สัญญาณประเภท TTL ที่กินแรงดันไฟต่ำ อินเตอร์เฟสสำหรับ หน่วยความจำความเร็วสูง โดยมีคุณลักษณะพิเศษการทำงานแบบ สวิตซ์ชิ่ง ซึ่งจะทำให้หน่วยความจำสามารถทำงานที่ความเร็ว 200 MHz ขึ้นไปเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ SDRAM มีการ เทอร์มิเนต ที่ปลายของเส้นสัญญาณ ทำให้ลดสัญญาณรบกวนได้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นหากทำงานที่ความเร็วสูง
 
                                      แสดงเปรียบเทียบอัตราความเร็วในการถ่ายเทข้อมูล



โดยปกติแล้วเวลาซีพียูจะติดต่อกับหน่วยความจำ จะต้องติดต่อทีละครั้ง คือจะเขียนหรือจะอ่านพร้อมกันไม่ได้ ถ้าจะเขียนแล้วอ่านก็ต้องเขียนก่อนแล้วค่อยอ่าน คือต้องทำสองที แต่ SDRAM ได้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้ กล่าวคือรูปแบบของ SDRAM จะเป็นการเอาแรม 2 แผงมาต่อกันเป็นแผงเดียว เมื่อซีพียูทำการติดต่อกับหน่วยความจำซีกหนึ่งเพื่ออ่านข้อมูล ในขณะเดียวกันนั้นซีพียูสามารถเขียนข้อมูลลงไปในหน่วยความจำอีกซีกหนึ่งได้ เพราะสามารถทำงานได้พร้อม ๆ กันทำให้ลดเวลาในการเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่าครึ่ง ซึ่ง SDRAM สามารถใส่เพียงแถวเดียวก็สามารถใช้งานได้ ในขณะที่แรมชนิดอื่นๆ จะต้องใส่ให้เป็นแบบชนิดเดียวกัน และขนาดความจุเท่ากันสองแถว จึงจะใช้งานได้  ดังนั้น SDRAM จึงเป็นการประหยัดกว่าหากมีการเพิ่มหน่วยความจำในภายหลัง



การเลือกซื้อแรม
SDRAM PC100
     มีผู้ใช้น้อยในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นแรมรุ่นเก่าที่มีความเร็วต่ำกว่า PC133 มีเฉพาะผู้ที่ใช้ซีพียูและเมนบอร์ดรุ่น เดิมที่รองรับความเร็วบัส 100 MHz เท่านั้น ที่จะซื้อแรมชนิดนี้ แต่ผู้ที่ใช้บัส 100 MHz ก็สามารถนำ SDRAM PC133 มาใช้ได้ ประกอบกับราคาของ SDRAM PC133 เมื่อเทียบกับ PC100 แล้วต่างกันไม่มาก ดังนั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงหันไปซื้อเป็น PC133 ในอนาคตอันใกล้นี้คาดว่า SDRAM PC100 คงจะมีขายน้อยลง แต่คงยังไม่หมดไปจากตลาด

SDRAM PC133
     เป็นแรมที่มีผู้ใช้มากที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากซีพียูและเมนบอร์ดในปัจจุบันสามารถรองรับความเร็วบัสได้ที่ 133 MHz การเลือกซื้อแรมมาใช้กับระบบเครื่องที่ใช้บัส 133 MHz ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจึงควรที่จะใช้ SDRAM PC133 มากกว่าที่จะใช้ SDRAM PC100


ความเร็วของแรม      SDRAM แต่ละตัวจะมีความเร็วบอกเอาไว้ตรงชิพ DRAM ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว SDRAM PC133 ที่มีจำหน่ายกันอยู่ในขณะนี้จะมีความเร็ว 7.5 ns (นาโนวินาที) ซึ่งจะเป็นแบบ CAS 3 แต่ถ้าเป็น SDRAM ที่มีคุณภาพสูงสุดจะเป็นแบบ CAS 2 โดยมีความเร็วเพียง 7 ns เท่านั้น (ความเร็ว 7 ns จะเร็วกว่า 7.5 ns) สำหรับผู้ใช้โดยทั่วไปแล้วการเลือกใช้ SDRAM ที่มีความเร็ว 7.5 ns ก็เป็นการเพียงพอแล้ว นอกจากนี้ SDRAM ที่มีความเร็ว 7.5 ns บางยี่ห้อ เช่น ของ Micron หรือ Infineon ก็สามารถนำไปใช้ในการโอเวอร์คล็อกซีพียูได้ด้วย ส่วน SDRAM ที่มีความเร็ว 7 ns นั้นยิ่งเหมาะสมมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโอเวอร์คล็อก รวมทั้งเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความมีเสถียรภาพในการทำงานที่ค่อนข้างสูง เช่น เครื่องที่เป็นเซิร์ฟเวอร์


ควรจะใส่ SDRAM แถวเดียวขนาดใหญ่ หรือใส่เป็นสองแถวรวมกัน
      สำหรับคำถามที่ว่าควรจะซื้อเป็นแรมแถวเดียวขนาดใหญ่ไปเลย หรือซื้อเป็น 2 แถวใส่รวมกันดี ตามความเป็นจริงแล้ว การใส่แถวเดียวคิดว่าน่าจะมีเสถียรภาพในการทำงานที่ดีกว่า เช่นซื้อเป็น SDRAM PC133 ขนาด 256 MB แทนที่จะซื้อเป็นขนาด 128 MB จำนวน 2 แถว แต่ว่าราคาของแรมแบบแถวเดียว 256 MB จะแพงกว่าเมื่อซื้อแรมขนาดแถวละ 128 MB 2 แถว ดั้งนั้นถ้าพิจารณาจากราคาเป็นหลักแล้ว การซื้อแรมเป็นจำนวน 2 แถว น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้ที่มีงบค่อนข้างจำกัด แต่ในการใส่แรมแบบ 2 แถวมีข้อที่ควรคำนึงถึงก็คือ ควรที่จะใช้แรมเป็นยี่ห้อเดียวกัน เพราะมักจะพบอยู่เสมอว่าเมื่อใส่คนละยี่ห้อแล้วจะเกิดปัญหา เช่นใช้ ๆ อยู่เครื่องอาจจะเกิดอาการแฮงค์ หรือถ้าหนักกว่านั้นเปิดเครื่องไม่ได้เลยก็มี